โรงพิมพ์ NT PRINTING

สื่อโฆษณา 10 โมเดลใหม่ ในการขาย เพื่อเเบรนด์ปัง

สื่อโฆษณา 10 โมเดลใหม่ ในการขาย เพื่อเเบรนด์ปัง

สื่อโฆษณา

ในปัจจุบัน มีหลายโมเดลใหม่ๆ ที่ใช้ในการขาย สื่อโฆษณา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการใช้ข้อมูลและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เรามาดูโมเดล สื่อโฆษณาออนไลด์ ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดกัน

10 โมเดลใหม่ๆ สื่อโฆษณา ที่ใช้ในการขาย ดึงดูดใจผู้บริโภค

 

1. โมเดลการโฆษณาตามความสนใจ (Interest-Based Advertising)

  • การใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ เช่น การคลิก, การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการติดตามโซเชียลมีเดีย เพื่อนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจและความต้องการของผู้ใช้

  • ตัวอย่าง: Facebook Ads, Google Display Network

2. โมเดล Cost Per Acquisition (CPA)

  • โฆษณาจะคิดค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ใช้งานกระทำการที่ต้องการ เช่น การสมัครสมาชิก, การซื้อสินค้า, หรือการดาวน์โหลดแอป

  • โมเดลนี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถควบคุมงบประมาณและผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

  • ตัวอย่าง: Affiliate Marketing, Influencer Marketing

3. โมเดล Cost Per Thousand Impressions (CPM)

  • โฆษณาจะถูกคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนการแสดงผล 1,000 ครั้ง โดยไม่คำนึงถึงการคลิกหรือการกระทำของผู้ใช้

  • โมเดลนี้เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์

  • ตัวอย่าง: โฆษณา Banner หรือ Video Ad บนเว็บไซต์

4. โมเดล Cost Per Click (CPC)

  • การคิดค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา โดยไม่คำนึงถึงการแสดงผล

  • เหมาะสำหรับการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์หรือการทำแคมเปญที่ต้องการกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์

  • ตัวอย่าง: Google Ads, Facebook Ads (Link Click Ads)

5. โมเดลการโฆษณาผ่านวิดีโอ (Video Advertising)

  • การใช้สื่อวิดีโอในการโฆษณา ซึ่งสามารถรวมกับการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube หรือ TikTok

  • เน้นการสร้างการรับรู้และความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านเนื้อหาที่มีความบันเทิง

  • ตัวอย่าง: YouTube Pre-Roll Ads, TikTok Ads

6. โมเดลการโฆษณาผ่าน Influencer Marketing

  • การใช้ Influencers หรือผู้มีอิทธิพลในสื่อโซเชียลในการโปรโมทสินค้าหรือบริการ

  • สร้างความน่าเชื่อถือและมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนคลับของ Influencer

  • ตัวอย่าง: Instagram, YouTube, TikTok

7. โมเดลการโฆษณาผ่านข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Advertising)

  • การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมจากหลายแหล่ง เช่น ข้อมูลจากการซื้อสินค้าออนไลน์, ข้อมูลการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้, หรือข้อมูลจาก IoT (Internet of Things)

  • การใช้ข้อมูลเหล่านี้มาช่วยในการสร้างโฆษณาที่มีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำมากขึ้น

  • ตัวอย่าง: การโฆษณาผ่าน Smart Devices หรือในแอปพลิเคชันที่เก็บข้อมูลผู้ใช้

8. โมเดลการโฆษณาผ่านการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search Advertising)

  • เนื่องจากผู้คนเริ่มใช้การค้นหาผ่านเสียงมากขึ้น การโฆษณาผ่าน Voice Search เช่น Google Assistant หรือ Amazon Alexa จึงเป็นตลาดที่กำลังเติบโต

  • การใช้คำค้นหาที่เหมาะสมเพื่อให้โฆษณาปรากฏในผลการค้นหา

  • ตัวอย่าง: Google Assistant Ads, Alexa Skills

9. โมเดลการโฆษณาผ่านความจริงเสมือน (VR) และความจริงผสม (AR)

  • การใช้เทคโนโลยี VR และ AR ในการโฆษณา ซึ่งสร้างประสบการณ์ที่เต็มรูปแบบและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้

  • ตัวอย่าง: AR filters บน Instagram หรือ Snapchat ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถโปรโมทผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่สนุกสนานและมีปฏิสัมพันธ์

10. โมเดลการโฆษณาผ่านการซื้อสินค้าผ่านโซเชียล (Social Commerce)

  • การขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียโดยตรง เช่น Instagram, Facebook, หรือ TikTok

  • ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่านโฆษณาหรือโพสต์ที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม

  • ตัวอย่าง: Instagram Shopping, Facebook Marketplace

โมเดลเหล่านี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI, Machine Learning, และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ มาใช้ในการกำหนดกลยุทธ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ สื่อโฆษณา เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่สูงขึ้นสำหรับแบรนด์ต่างๆ ครับ

คุณสนใจโมเดลไหนเป็นพิเศษ หรือกำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ ในการปรับกลยุทธ์โฆษณาของตัวเองครับ?